ศิลปะลพบุรี
ศิลปะแบบลพบุรีหรือละโว้เกิดขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16 - 19 มีอาณาเขตครอบคลุมภาคกลาง
ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ตลอดจนในประเทศกัมพูชา รูปแบบ
สัมพันธ์กับสกุลช่างศิลปะเขมรในประเทศกัมพูชา
ศิลปะดังกล่าวเรียกชื่อต่างกันตามทัศนะของนักวิชาการแต่ละคนเช่น ศิลปะลพบุรี
ศิลปะเขมร ศิลปะร่วมแบบเขมรในประเทศไทย เป็นต้น กล่าวคือปลายสมัยรัชกาลที่ ๕
นักวิชาการชาวฝรั่งเศสแห่งสำนักฝรั่งเศสปลายบูรพาทิศได้เรียกชื่อสกุลช่าง
ศิลปะนี้ว่า"ศิลปะ เขมร"
ด้วยมีรูปแบบที่คล้ายกับโบราณสถานในประเทศกัมพูชาต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์
เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ทรงกำหนดชื่อเรียกใหม่ว่า
"ศิลปะลพบุรี"
เพื่อแยกให้เห็นถึงความแตกต่างจากกลุ่มสกุลช่างศิลปะเขมร
เมื่อครั้งขอมมีอำนาจปกครองอยู่ในสุวรรณภูมิมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดลพบุรี และบางส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แบบแผนของศิลปะแบบลพบุรีนั้นได้รับอิทธิพลจากเขมร เป็นศิลปะที่เกี่ยวเนื่องในศาสนาฮินดู
ผสมผสานกับพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ลักษณะงานสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ใช้วัสดุจำพวกหิน
ทราย อิฐ และศิลาแลงในการก่อสร้างในรูปของปรางค์และปราสาท เช่น พระปรางค์ 3 ยอด จังหวัดลพบุรี ปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทเมืองต่ำ จังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น ส่วนงานด้านประติมากรรมนิยมสร้างภาพสลัก พระพุทธรูป
ซึ่งลักษณะเด่นของงานประติมากรรมแบบลพบุรี คือ ไม่ว่าจะเป็นรูปคนหรือรูปเคารพต่างๆ
จะมีหน้าผากกว้าง ปากแบะหนา คางเหลี่ยม และรูปร่างล่ำเตี้ย
แหล่งที่มาของโบราณวัตถุหิน ศิลปะสมัยลพบุรี
โบราณ วัตถุหิน ศิลปะสมัยลพบุรี มีที่มาจากกลุ่มโบราณสถานที่ใช้อิฐและหินชนิดต่างๆเป็นวัสดุในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นหลักฐานทางมรดกศิลปวัฒนธรรมของกลุ่มคนในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตอนกลางของประเทศไทยที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ในราว พ.ศ. 1100-1800 และมีสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกับอาณาจักรเขมรโบราณในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันอันมีคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ชาติพันธุ์วิทยา และความงามในเชิงศิลปกรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะกลุ่ม
บริเวณภาคกลางของประเทศไทยเป็นบริเวณที่มีการผสมผสานทางอารยธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งดังจะเห็นได้จากศิลปะอู่ทอง ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18เป็นต้นมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 20ศิลปะอู่ทองเป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะทวารวดีและศิลปะลพบุรีมาผสมผสานกัน
โบราณ วัตถุหิน ศิลปะสมัยลพบุรี มีที่มาจากกลุ่มโบราณสถานที่ใช้อิฐและหินชนิดต่างๆเป็นวัสดุในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นหลักฐานทางมรดกศิลปวัฒนธรรมของกลุ่มคนในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตอนกลางของประเทศไทยที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ในราว พ.ศ. 1100-1800 และมีสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกับอาณาจักรเขมรโบราณในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันอันมีคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ชาติพันธุ์วิทยา และความงามในเชิงศิลปกรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะกลุ่ม
บริเวณภาคกลางของประเทศไทยเป็นบริเวณที่มีการผสมผสานทางอารยธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งดังจะเห็นได้จากศิลปะอู่ทอง ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18เป็นต้นมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 20ศิลปะอู่ทองเป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะทวารวดีและศิลปะลพบุรีมาผสมผสานกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น